แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactor) คืออะไร ทำงานอย่างไร?
แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactor) คืออุปกรณ์ไฟฟ้าสำคัญที่ใช้ในการควบคุมวงจรไฟฟ้า โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรมและงานที่ต้องการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรใหญ่ อุปกรณ์นี้ทำงานด้วยการใช้สนามแม่เหล็กเพื่อเปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้การควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างอัตโนมัติและปลอดภัยมากขึ้น
แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactor) คืออะไร
แมกเนติกคอนแทคเตอร์ คืออุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับควบคุมการเปิด-ปิดวงจรไฟฟ้าโดยใช้หลักการทำงานของสนามแม่เหล็ก เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าสู่คอยล์จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กซึ่งส่งผลให้คอนแทคของแมกเนติกเคลื่อนที่เปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้าได้ โดยอุปกรณ์นี้ถูกนำไปใช้ในการควบคุมมอเตอร์และเครื่องจักรต่าง ๆ ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำและความปลอดภัยสูง
หลักการทำงานของแมกเนติก
แมกเนติกคอนแทคเตอร์ทำงานโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อสร้างสนามแม่เหล็ก ซึ่ง หลักการทำงานจะประกอบไปด้วยขั้นตอนดังนี้
1. คอยล์ได้รับพลังงานไฟฟ้า
คอยล์ของแมกเนติกคอนแทคเตอร์จะได้รับพลังงานไฟฟ้า เมื่อไฟฟ้าไหลผ่านคอยล์จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้น สนามแม่เหล็กนี้จะดึงแกนเหล็กหรือ armature ให้เคลื่อนที่ ซึ่งจะเป็นขั้นตอนแรกในการทำงานของแมกเนติกคอนแทคเตอร์
2. การปิดคอนแทค
เมื่อ Armature ถูกดึงเข้าสู่สนามแม่เหล็ก คอนแทคหลักจะถูกปิดลง ทำให้วงจรไฟฟ้าเชื่อมต่อและกระแสไฟฟ้าผ่านไปยังอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งาน การปิดคอนแทคนี้ช่วยให้การทำงานของเครื่องจักรหรือมอเตอร์เป็นไปตามคำสั่งอย่างมีประสิทธิภาพ
3. การเปิดคอนแทค
เมื่อการจ่ายพลังงานไฟฟ้าถูกตัดออก สนามแม่เหล็กจะหายไป ส่งผลให้สปริงในคอนแทคเตอร์ดัน armature กลับสู่ตำแหน่งเดิม ซึ่งทำให้คอนแทคหลักถูกเปิด วงจรไฟฟ้าถูกตัดและการทำงานของเครื่องจักรหยุดลง
ส่วนประกอบของแมกเนติกคอนแทคเตอร์
- คอยล์ (Coil) : สร้างสนามแม่เหล็กเมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่าน
- แกนเหล็ก (Core) : ส่วนที่ถูกดึงเข้าหากันเมื่อเกิดสนามแม่เหล็ก
- คอนแทคหลัก (Main Contacts) : ทำหน้าที่ปิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้า
- สปริง (Spring) : ดันแกนเหล็กกลับสู่ตำแหน่งเดิมเมื่อไม่มีไฟฟ้าผ่านคอยล์
- คอนแทคเสริม (Auxiliary Contacts) : ใช้ในการควบคุมระบบเสริม
ประเภทของ Magnetic Contactor
Magnetic Contactor แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ตามชนิดของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการทำงาน ได้แก่
แบบขดลวดชนิดใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ
แมกเนติกคอนแทคเตอร์ที่ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในโรงงานอุตสาหกรรมหรือเครื่องจักรที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำและต่อเนื่อง
แบบขดลวดชนิดใช้ไฟฟ้ากระแสตรง
แมกเนติกคอนแทคเตอร์ที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) มักถูกใช้ในงานที่ต้องการความเสถียรสูงและการควบคุมที่ไม่ต้องการการสลับแรงดันสูงต่ำบ่อยครั้ง เช่นในระบบไฟฟ้าสำรองหรือระบบที่ใช้งานกับแบตเตอรี่
ประโยชน์ของ Magnetic Contactor
- เพิ่มความปลอดภัย : สามารถควบคุมการทำงานของวงจรไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย
- ควบคุมการทำงานอัตโนมัติ : ช่วยให้การเปิดปิดวงจรเป็นไปตามคำสั่งโดยไม่ต้องใช้แรงคน
- รองรับกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ : เหมาะสำหรับควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าหนักหรือเครื่องจักรขนาดใหญ่
- ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร : สามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรได้
วิธีการเลือกใช้ Magnetic Contactor
- พิจารณากระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน : เลือก Magnetic Contactor ที่รองรับกระแสไฟฟ้าได้ตามความต้องการ
- แรงดันไฟฟ้าที่รองรับ : ตรวจสอบว่าแมกเนติกสามารถรองรับแรงดันไฟฟ้าที่ใช้ในระบบได้
- ประเภทของโหลด : พิจารณาจากลักษณะการใช้งาน เช่น ควบคุมมอเตอร์หรือเครื่องจักร
- คุณภาพและมาตรฐาน : เลือกอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน
สรุปบทความ

แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactor) เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการควบคุมการเปิดปิดวงจรไฟฟ้าในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยทำงานด้วยหลักการของสนามแม่เหล็กและช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบไฟฟ้า การเลือกใช้แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ควรคำนึงถึงประเภทของไฟฟ้าที่ใช้งานและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร
ประธานการไฟฟ้า คือร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำหน่าย แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactor) และอุปกรณ์งานระบบไฟฟ้าทุกชนิด หากสนใจสั่งซื้อ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line: @prathan หรือโทร 02-892-7946 , 092-265-8564
ทำความรู้จัก Surge Protection คืออะไร
ปัญหาไฟกระชากเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในบ้านเรือนและสถานที่ทำงาน ซึ่งเกิดจากการที่กระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สาเหตุมักเกิดจากฟ้าผ่า การเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายหรือลดอายุการใช้งานได้ การใช้อุปกรณ์ Surge Protection หรือเสิร์จกันฟ้าผ่า จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยป้องกันความเสียหายเหล่านี้
Surge Protection คืออะไร
Surge Protection คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟกระชากชั่วคราวที่เกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้า ซึ่งไฟกระชากอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ฟ้าผ่า การปิด-เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้า โดยอุปกรณ์จะช่วยให้ไฟฟ้าที่เกินความจำเป็นเหล่านี้ไม่เข้าถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งสามารถช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
ประเภทของอุปกรณ์กันไฟกระชากมีอะไรบ้าง
อุปกรณ์กันไฟกระชากมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้
- Surge Protector : อุปกรณ์ที่มีหน้าที่หลักในการป้องกันไฟกระชาก โดยจะทำงานโดยการควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินไปไม่ให้ไหลเข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า
- Line Conditioners : อุปกรณ์ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของไฟฟ้า โดยการลดสัญญาณรบกวนและรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่
- UPS (Uninterruptible Power Supply) : เครื่องสำรองไฟฟ้าที่ช่วยจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองในกรณีที่ไฟฟ้าดับ หรือไฟฟ้าตก เพื่อให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานต่อไปได้โดยไม่สะดุด
Surge Protection ประกอบด้วยอะไรบ้าง
อุปกรณ์ Surge Protection มักประกอบไปด้วยชิ้นส่วนหลัก ๆ ดังนี้
- MOV (Metal Oxide Varistor) : ช่วยควบคุมแรงดันไฟฟ้าเมื่อมีแรงดันไฟฟ้าเกินขึ้นมา ซึ่งจะปล่อยกระแสไฟฟ้าลงสู่สายดินเพื่อลดความเสียหาย
- SAD (Silicon Avalanche Diode) : ชิ้นส่วนที่มีความสามารถในการควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่อุปกรณ์ในช่วงที่เกิดไฟกระชาก
- GDT (Gas Discharge Tube) : อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันกระแสไฟฟ้าที่มีความแรงสูงมากในช่วงสั้น ๆ ด้วยการปล่อยกระแสไฟลงสู่พื้นดิน
ขั้นตอนการทำงานของ Surge Protection
- เมื่อเกิดไฟกระชาก Surge Protection จะตรวจจับแรงดันไฟฟ้าที่เกินมา
- ระบบจะเปิดช่องทางเพื่อให้กระแสไฟฟ้าเกินถูกนำไปสู่สายดิน
- อุปกรณ์ไฟฟ้าได้รับการป้องกันจากกระแสไฟฟ้าที่เกิน
- เมื่อแรงดันไฟฟ้ากลับมาเป็นปกติ ระบบจะกลับมาทำงานเช่นเดิม
ประโยชน์ของ Surge Protection
- ป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ไฟฟ้า
- ยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ลดความเสี่ยงของการเกิดไฟไหม้จากระบบไฟฟ้า
- ช่วยควบคุมคุณภาพไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่อุปกรณ์
- ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า
วิธีการเลือก Surge Protection
- เลือกที่มีค่า Joule Rating สูง เพื่อให้ป้องกันไฟกระชากได้ดี
- เลือกอุปกรณ์ที่มี Clamping Voltage ต่ำ เพื่อให้ระบบตอบสนองเร็วขึ้น
- เลือกอุปกรณ์ที่มี Response Time น้อย เพื่อให้ระบบทำงานได้รวดเร็ว
- ควรเลือกตามจำนวนของเต้าเสียบที่ต้องการ
- ตรวจสอบว่า Surge Protection มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
สรุปบทความ
Surge Protection เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากไฟกระชาก โดยเฉพาะเมื่อเกิดฟ้าผ่า หรือแรงดันไฟฟ้าผิดปกติ การติดตั้ง Surge Protection สามารถยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ลดความเสี่ยงของไฟฟ้าลัดวงจร และช่วยปกป้องทรัพย์สินของคุณจากความเสียหายประธานการไฟฟ้า คือร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า จำหน่าย Surge Protection และอุปกรณ์งานระบบไฟฟ้าทุกชนิด จากแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐาน หากสนใจสั่งซื้อ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line: @prathan หรือโทร 02-892-7946 , 092-265-8564
รวมสิ่งที่ควรรู้ “เบรกเกอร์กันดูด” คืออะไร จำเป็นจะต้องติดไหม?
เบรกเกอร์กันดูดเป็นอุปกรณ์เซอร์กิตเบรกเกอร์สำคัญที่ช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูดและไฟรั่ว เพราะหากไม่มีอุปกรณ์ชนิดนี้ติดตั้งไว้ในบ้านหรือที่ทำงาน อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ บทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับเบรกเกอร์กันดูด ว่าคืออะไร มีกี่ประเภท และวิธีการติดตั้งที่ถูกต้อง
เบรกเกอร์กันดูด คืออะไร
เบรกเกอร์กันดูด หรือ Residual Current Device (RCD) คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหลจากวงจรปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการเสียบปลั๊กที่เสียหายหรือการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดไฟรั่ว ซึ่งเบรกเกอร์กันดูดช่วยป้องกันผู้ใช้ไฟฟ้าจากการโดนไฟดูดได้
หน้าที่ของเบรกเกอร์กันดูด
เบรกเกอร์กันดูดมีหน้าที่หลักคือป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไฟดูดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วเกินกว่าค่าที่กำหนด คือ 30 มิลลิแอมป์ เบรกเกอร์จะตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติทันที ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกไฟดูดและป้องกันอุบัติเหตุทางไฟฟ้า
หลักการทำงานของเบรกเกอร์กันดูด
เบรกเกอร์กันดูดจะทำงานโดยการตรวจสอบความสมดุลของกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าและออกจากวงจร หากพบว่ามีการรั่วไหลของกระแสไฟที่ผิดปกติ เบรกเกอร์จะทำการตัดกระแสไฟทันที กระแสที่รั่วออกไปในกรณีนี้อาจเกิดจากสายไฟที่เสียหายหรือการสัมผัสกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีไฟรั่ว ซึ่งการตัดไฟนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานเกิดอันตรายจากการโดนไฟดูด
เบรกเกอร์กันดูดมีกี่ประเภท
เบรกเกอร์กันดูดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ RCCB และ RCBO ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะการทำงานและการป้องกันที่แตกต่างกัน ดังนี้
RCCB
RCCB (Residual Current Circuit Breaker) คือเบรกเกอร์กันดูดที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟรั่วหรือไฟดูดเท่านั้น โดยไม่สามารถป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจรหรือกระแสเกินได้ จึงต้องใช้งานร่วมกับเบรกเกอร์ป้องกันกระแสเกิน (MCB) เพื่อให้ระบบไฟฟ้าปลอดภัยในทุกกรณี
RCBO
RCBO (Residual Current Circuit Breaker with Overcurrent Protection) มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับ RCCB แต่มีความสามารถพิเศษในการป้องกันกระแสเกินและกระแสไฟฟ้าลัดวงจรได้ในตัว ทำให้สามารถป้องกันไฟรั่ว ไฟดูด และการลัดวงจรในเครื่องเดียวกัน ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
วิธีติดตั้งเบรกเกอร์กันดูด
การติดตั้งเบรกเกอร์กันดูดเป็นสิ่งที่ควรทำโดยช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการทำงานของเบรกเกอร์ ทั้ง RCCB และ RCBO มีวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกัน โดยรายละเอียดของการติดตั้งมีดังนี้
วิธีติดตั้งเบรกเกอร์กันไฟรั่ว RCCB
- ปิดไฟที่ Main Breaker
- เชื่อมต่อสายไฟเข้าและสายไฟออกที่เบรกเกอร์ RCCB ให้ถูกต้องตามคู่มือของอุปกรณ์
- เชื่อมต่อสายดินให้ครบถ้วนและตรวจสอบการต่อสายให้ถูกต้อง
- เปิดไฟที่เมนเบรกเกอร์และทดสอบการทำงานของ RCCB
- ตรวจสอบการทำงานของเบรกเกอร์ว่าเปิด-ปิดได้ตามปกติและไม่มีการรั่วของกระแสไฟ
วิธีติดตั้งเบรกเกอร์กันดูด RCBO
- ปิดไฟที่ Main Breaker
- เชื่อมต่อสายไฟเข้าและสายไฟออกที่เบรกเกอร์ RCBO โดยตรวจสอบความถูกต้องตามคู่มือ
- เชื่อมต่อสายดินให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย
- เปิดไฟที่เมนเบรกเกอร์และทดสอบการทำงานของ RCBO
- ตรวจสอบการทำงานของเบรกเกอร์ให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาไฟรั่ว
ความรุนแรงจากการโดนไฟดูด
การโดนไฟดูดอาจมีผลตั้งแต่รู้สึกเพียงเล็กน้อยไปจนถึงอันตรายถึงชีวิต ซึ่งระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่โดนดูด ดังนี้
- ระดับ 1 : โดนดูดแต่ไม่รู้สึก (กระแสต่ำกว่า 0.5 mA)
- ระดับ 2 : โดนดูดรู้สึกได้แต่ไม่เป็นอันตราย (ต่ำกว่า 10 mA)
- ระดับ 3 : โดนดูดทำให้กล้ามเนื้อเกร็งหรือหายใจติดขัด (ต่ำกว่า 20 mA)
- ระดับ 4 : โดนดูดทำให้หัวใจล้มเหลว หมดสติ หรือเสียชีวิต (มากกว่า 30 mA)
สรุปบทความ

การติดตั้งเบรกเกอร์กันดูดเป็นสิ่งที่จำเป็นในการป้องกันไฟดูดและไฟรั่วในที่พักอาศัย โดยมีเบรกเกอร์กันดูดประเภท RCCB และ RCBO ที่ให้ความปลอดภัยที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังมองหาเบรกเกอร์กันดูดคุณภาพดีเพื่อความปลอดภัยของบ้านและครอบครัว ประธานการไฟฟ้าคือผู้จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าคุณภาพที่เชื่อถือได้ เราจำหน่ายเบรกเกอร์ที่ได้มาตรฐานจากแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบรกเกอร์ Schneider, เบรกเกอร์ ABB, เบรกเกอร์ Mitsubishi รวมถึง เบรกเกอร์ Hitachi มั่นใจได้ว่าคุณจะได้อุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งานทั้งในครัวเรือนและระดับอุตสาหกรรม ติดต่อเราได้ที่ Line: @prathan หรือโทร 02-892-7946 , 092-265-856
ทำความรู้จักเซอร์กิตเบรกเกอร์ คืออะไร มีกี่ประเภท ใช้งานอย่างไร
ทุกวันนี้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่เราควรรู้จักคือ “เซอร์กิตเบรกเกอร์” ซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรและกระแสไฟฟ้าเกิน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเซอร์กิตเบรกเกอร์อย่างละเอียด ทั้งประเภท หลักการทำงาน และการใช้งานที่ถูกต้อง
เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) คืออะไร
เซอร์กิตเบรกเกอร์ คืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้าโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติในระบบ เช่น กระแสไฟฟ้าเกินพิกัด หรือไฟฟ้าลัดวงจร โดยทำงานคล้ายกับฟิวส์ แต่มีข้อดีกว่าตรงที่สามารถรีเซ็ตและใช้งานใหม่ได้ทันทีหลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เหมือนฟิวส์ Circuit Breaker จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันอันตรายและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้านและอาคาร
เซอร์กิตเบรกเกอร์ มีกี่ประเภท
รบกวนขอรูป Infographic ว่าเซอร์กิตเบรกเกอร์ มีกี่ประเภทค่ะ
เซอร์กิตเบรกเกอร์มีหลายประเภท แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมและระบบไฟฟ้าที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามระดับแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน ดังนี้
เซอร์กิตเบรกเกอร์แรงดันไฟฟ้าต่ำ (Low Voltage)
เซอร์กิตเบรกเกอร์ประเภทนี้ใช้กับระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันต่ำกว่า 1,000 โวลต์ ซึ่งเป็นประเภทที่พบเห็นได้ทั่วไปในบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ และโรงงานขนาดเล็ก โดยมีรูปแบบย่อยหลายประเภท เช่น MCB (Miniature Circuit Breakers), RCDs (Residual Current Devices), MCCB (Molded Case Circuit Breaker) และ ACB (Air Circuit Breaker) แต่ละแบบมีขนาดและความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับการใช้งานในวงจรย่อยต่าง ๆ ภายในอาคาร
1. MCB (Miniature Circuit Breakers)
MCB หรือ Miniature Circuit Breakers เป็นเบรกเกอร์ขนาดเล็กที่มักเรียกกันว่าลูกย่อยหรือลูกสกิต ใช้ในบ้านหรืออาคารที่มีกำลังไฟไม่เกิน 100A มีให้เลือกทั้งแบบ 1 Pole ไปจนถึง 4 Pole ใช้ได้กับระบบกระแสไฟ 1 เฟสและ 3 เฟส วิธีติดตั้งมี 2 แบบที่นิยม คือ แบบ Plug-on ที่สามารถดันเข้ากรอบที่เตรียมไว้ได้ง่าย และ Din-rail ที่ต้องใช้เครื่องมือสำหรับติดตั้ง นิยมใช้ร่วมกับแผงจ่ายไฟย่อยหรือแผงในห้องพักอาศัย
2. RCDs (Residual Current Devices)
RCDs หรือ Residual Current Devices คืออุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันไฟรั่วและไฟดูดแบบอัตโนมัติตามค่าที่กำหนด ก่อนติดตั้งต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายดินหรือสายกราวด์เชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว โดยมีอุปกรณ์หลักสองแบบคือ
- RCCB ที่ช่วยตัดไฟรั่วและไฟดูด แต่ไม่สามารถตัดกระแสลัดวงจรได้
- RCBO ซึ่งสามารถตัดไฟรั่วไฟดูด รวมถึงป้องกันกระแสเกินและลัดวงจรได้
3. MCCB (Molded Case Circuit Breakers)
MCCB หรือ Molded Case Circuit Breakers เป็นเบรกเกอร์ที่ใช้ตัดและเปิด-ปิดวงจรไฟฟ้า รวมถึงป้องกันไฟรั่วและลัดวงจร ใช้กับระบบไฟที่มีกระแส 100-2,300A และแรงดันไม่เกิน 1,000 โวลต์ เหมาะสำหรับติดตั้งในอาคารขนาดใหญ่หรือโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากสามารถทนต่อกระแสลัดวงจรสูงได้
4. ACB (Air Circuit Breakers)
ACB หรือ Air Circuit Breakers เป็นเบรกเกอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม Low Voltage นี้ ใช้เป็นเมนเบรกเกอร์ในโรงงานและงานแรงดันสูง เช่น ระบบ HVAC ติดตั้งในตู้ MDB เพราะสามารถทนกระแสไฟได้สูงสุดถึง 6,300A เซอร์กิตเบรกเกอร์ตัวนี้สามารถเพิ่มอุปกรณ์เสริมได้ตามต้องการ ซึ่งต่างจาก MCCB ที่ไม่สามารถทำได้
เซอร์กิตเบรกเกอร์แรงดันไฟฟ้าปานกลาง (Medium Voltage)
เซอร์กิตเบรกเกอร์ชนิดนี้ใช้กับระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันระหว่าง 1,000 ถึง 72,000 โวลต์ มักพบในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ สถานีไฟฟ้าย่อย และระบบจ่ายไฟฟ้าในเมือง Circuit Breaker ประเภทนี้มีขนาดใหญ่กว่าแบบแรงดันต่ำ และต้องการการออกแบบและติดตั้งที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อรองรับกระแสไฟฟ้าและแรงดันที่สูงขึ้น
เซอร์กิตเบรกเกอร์แรงดันไฟฟ้าสูง (High Voltage)
เซอร์กิตเบรกเกอร์แรงดันสูงใช้กับระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันมากกว่า 72,000 โวลต์ขึ้นไป ซึ่งพบได้ในระบบส่งจ่ายไฟฟ้าระยะไกล สถานีไฟฟ้าหลัก และโรงไฟฟ้า Circuit Breaker ประเภทนี้มีขนาดใหญ่มาก ต้องการการออกแบบพิเศษเพื่อรับมือกับแรงดันและกระแสไฟฟ้าที่สูงมาก รวมถึงต้องมีระบบการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้น้ำมัน หรือก๊าซ SF6 เป็นฉนวน
วิธีเลือกใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์
ระบบไฟฟ้าส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ระบบ 1 เฟส สำหรับที่พักอาศัยทั่วไป และระบบ 3 เฟส สำหรับอาคารพาณิชย์และโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกเซอร์กิตเบรกเกอร์จึงต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญสองประการ คือ จำนวน Pole และค่าพิกัดกระแส
1. จำนวน Pole
จำนวน Pole ของเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่เหมาะสมในการใช้งานกับระบบไฟฟ้า แบ่งออกเป็น 4 แบบดังนี้
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ 1 Pole : เหมาะสำหรับระบบ 1 เฟส ใช้กับวงจรย่อยในบ้านพักอาศัย ป้องกันเฉพาะสาย Line
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ 2 Pole : เหมาะสำหรับระบบ 1 เฟส ใช้เป็นเมนเบรกเกอร์ในบ้านพักอาศัย ป้องกันทั้งสาย Line และ Neutral มีทั้งแบบ MCB และ MCCB
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ 3 Pole : เหมาะสำหรับ 3 เฟสทั่วไปในอาคารพาณิชย์และโรงงาน โดยป้องกันเฉพาะสาย Line
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ 4 Pole : เหมาะสำหรับระบบ 3 เฟส เบรกเกอร์ 3 เฟสที่ต้องการความปลอดภัยสูง เนื่องจากสามารถป้องกันทั้งสาย Line และสาย Neutral
2. ค่าพิกัดกระแส
ค่าพิกัดกระแสเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกเซอร์กิตเบรกเกอร์ โดยมีค่าสำคัญที่ควรพิจารณาดังนี้
- Amp Trip (AT) : ค่ากระแสที่เบรกเกอร์เริ่มทำงาน บ่งบอกถึงขีดจำกัดการทนกระแสในสภาวะปกติ เช่น เซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มีค่าแอมป์ทริป 100A เมื่อกระแส 0-100A ไหลผ่าน เบรกเกอร์จะไม่ทริป แต่ถ้ามากกว่านั้น เบรกเกอร์จะทริปภายในเวลา 2 ชั่วโมง เป็นต้น
- Amp Frame (AF) : พิกัดกระแสโครง หรือพิกัดกระแสสูงสุดที่เบรกเกอร์รับได้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มี AF เท่ากันจะมีขนาดเท่ากัน และสามารถเปลี่ยนพิกัด Amp Trip ได้โดยที่ขนาดของเบรกเกอร์ยังคงเท่าเดิม
- Interrupting Capacity (IC) : พิกัดการตัดกระแสลัดวงจรสูงสุด มักระบุเป็นหน่วย kA (กิโลแอมแปร์)
กลไกและหลักการทำงานของเซอร์กิตเบรกเกอร์
รบกวนขอรูป Infographic กลไกและหลักการทำงานของเซอร์กิตเบรกเกอร์
เซอร์กิตเบรกเกอร์มีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสภาวะผิดปกติของระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยทั่วไปแล้ว Circuit Breaker จะมีกลไกการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
Thermal Trip
กลไก Thermal Trip ใช้หลักการขยายตัวของโลหะเมื่อได้รับความร้อน โดยภายในเซอร์กิตเบรกเกอร์จะมีแผ่นโลหะไบเมทัลที่ประกอบด้วยโลหะสองชนิดที่มีสัมประสิทธิ์การขยายตัวต่างกัน เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเกินพิกัด จะเกิดความร้อนทำให้แผ่นโลหะโก่งตัว ส่งผลให้กลไกภายในทำงานและตัดวงจรไฟฟ้า กลไกนี้เหมาะสำหรับป้องกันกระแสเกินที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง
Magnetic Trip
กลไก Magnetic Trip ทำงานโดยอาศัยหลักการของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อเกิดกระแสลัดวงจรหรือกระแสเกินอย่างฉับพลัน จะเกิดสนามแม่เหล็กความเข้มสูงในระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้กลไกภายในเซอร์กิตเบรกเกอร์ทำงานและตัดวงจรทันที กลไกนี้ตอบสนองได้เร็วกว่า Thermal Trip จึงเหมาะสำหรับป้องกันการลัดวงจรที่อาจเกิดความเสียหายรุนแรงได้
Solid State Trip หรือ Electronic Trip
เซอร์กิตเบรกเกอร์ที่ใช้ Solid State Trip หรือ Electronic Trip จะมีวงจรอิเล็กทรอนิกส์และไมโครโปรเซสเซอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยจะใช้หม้อแปลงกระแส (Current Transformer) เพื่อแปลงค่ากระแสให้เหมาะสมกับการทำงานของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อตรวจพบกระแสเกินหรือผิดปกติ ไมโครโปรเซสเซอร์จะประมวลผลและสั่งให้เซอร์กิตเบรกเกอร์ตัดวงจร ระบบนี้สามารถปรับแต่งค่าการทำงานได้หลากหลายและแม่นยำกว่าระบบอื่น ๆ
Thermal-Magnetic Trip
เซอร์กิตเบรกเกอร์แบบ Thermal-Magnetic Trip เป็นการผสมผสานระหว่างกลไก Thermal Trip และ Magnetic Trip เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถป้องกันได้ทั้งกระแสเกิน และการลัดวงจรที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยใช้ไบเมทัลสำหรับตรวจจับกระแสเกินระยะยาว และใช้คอยล์แม่เหล็กสำหรับตรวจจับกระแสลัดวงจร ทำให้เซอร์กิตเบรกเกอร์ประเภทนี้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง
ขั้นตอนการติดตั้งเซอร์กิตเบรกเกอร์
หลังจากที่ติดตั้งตู้คอนซูมเมอร์ (Consumer Unit) และนำเซอร์กิตเบรกเกอร์เข้าไปติดที่บาร์แล้ว สามารถเชื่อมต่อสายได้ดังนี้
- ต่อสายไฟจาก Meter เข้า Consumer
- ให้ดึงสายนิวทรัล “N” จากมิเตอร์ (ฝั่งไฟเข้า หรือฝั่งที่มาจากการไฟฟ้าฯ) มาเชื่อมที่ Consumer บริเวณบัสบาร์กราวด์ก่อน จากนั้นดึงสายอีกเส้นจากบัสบาร์กราวด์ ให้มาที่เทอร์มินอลด้านบนของ Main Breaker
- ดึงสายไปเชื่อมที่บัสบาร์นิวทรัล (ฝั่งไฟออก)
- สายไฟ (Line) ใช้ขั้วสีดำ มักมีอักษร “L” กำกับ เชื่อมบริเวณเทอร์มินอลด้านบนของ Main Breaker
- ต่อสายออกไปหา Load
- ดึงสายจาก Load เข้ามาในตู้ Consumer จากนั้นดึงสาย Line ไปเชื่อมที่เซอร์กิตเบรกเกอร์ย่อย
- ดึงสายนิวทรัลไปเชื่อมที่เทอร์มินอลของคอนซูมเมอร์นิวทรัล
- ดึงสายกราวด์ไปเชื่อมที่เทอร์มินอลบัสบาร์กราวด์
- ติดตั้งเบรกเกอร์ RCCB หรือ RCBO เพื่อป้องกันไฟรั่ว
- ดึงสายนิวทรัลเชื่อมต่อกับเทอร์มินอลด้านบนของเบรกเกอร์ RCCB
- นำสาย Line เชื่อมกับเทอร์มินอลด้านบน ฝั่งเดียวกับจมูก Breaker RCCB (ห้ามสลับกับสายนิวทรัล)
- นำสายนิวทรัลด้านล่างของ RCCB ไปเชื่อมที่บัสบาร์นิวทรัลของ Consumer
- เชื่อมต่อบัสบาร์แท่งฟันหวีเข้ากับลูกย่อยทุกตัว และขันน็อตให้แน่น
- ต่อสาย Load ที่ต้องการติดตั้ง RCCB เข้ามาที่ตู้คอนซูมเมอร์ โดยให้สาย Line เชื่อมต่อกับเทอร์มินอลของลูกย่อยชุดที่ต้องการ จากนั้นต่อสายนิวทรัลกับบัสบาร์นิวทรัล สุดท้าย ต่อสายกราวด์กับบัสบาร์กราวด์
- ติดตั้งเบรกเกอร์ RCBO กันดูด
- 1 Pole จะมีสายสองเส้น สีฟ้าและสีขาว ต่อสายสีฟ้ากับบัสบาร์นิวทรัล ส่วนสายสีขาวต่อเข้ากับบัสบาร์กราวด์
- ต่อสาย Load ที่ต้องการติดตั้งเซอร์กิตเบรกเกอร์กันดูดเข้ามาที่ตู้คอนซูมเมอร์ จากนั้นเชื่อมต่อสาย Line กับเทอร์มินอล Line ที่เบรกเกอร์กันดูด และต่อสายนิวทรัล ที่เทอร์มินอลนิวทรัลของเบรกเกอร์กันดูดเช่นกัน สุดท้าย ต่อสายกราวด์กับบัสบาร์กราวด์
เรียนรู้เกี่ยวกับเบรกเกอร์กันดูดเพิ่มเติมได้ที่นี่
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
- ตรวจสอบว่าสายไฟถูกเชื่อมต่อกับขั้วอย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบความแน่นหนาของการเชื่อมต่อ
- ทดสอบการทำงาน
- เปิดระบบไฟและทดสอบการทำงานของเซอร์กิตเบรกเกอร์
เซอร์กิตเบรกเกอร์ต่างจากคัทเอาท์อย่างไร
เซอร์กิตเบรกเกอร์และคัทเอาท์มีหน้าที่หลักในการตัดวงจรไฟฟ้า แต่มีข้อแตกต่างกันดังนี้
- กลไกการทำงาน
- คัทเอาท์: ใช้การโยกด้วยมือเพื่อตัดไฟ
- เซอร์กิตเบรกเกอร์: ทำงานอัตโนมัติเมื่อตรวจพบความผิดปกติ
- ระบบป้องกัน
- คัทเอาท์: มีฟิวส์ภายในเพื่อป้องกันกระแสเกิน
- เซอร์กิตเบรกเกอร์: มีระบบตรวจจับและตัดไฟอัตโนมัติ
- ความเร็วในการตอบสนอง
- คัทเอาท์: ต้องรอให้ผู้ใช้สังเกตเห็นปัญหาและปิดด้วยตนเอง
- เซอร์กิตเบรกเกอร์: ตัดไฟทันทีที่เกิดปัญหา
- ความนิยมในปัจจุบัน
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ได้รับความนิยมมากกว่าเนื่องจากความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่สูงกว่า
สรุปบทความ

เซอร์กิตเบรกเกอร์เป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบไฟฟ้าที่ช่วยป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าเกินและการลัดวงจร โดยสามารถตัดวงจรไฟฟ้าได้อย่างอัตโนมัติเมื่อตรวจพบความผิดปกติ ซึ่งเซอร์กิตเบรกเกอร์มีหลายประเภท ตั้งแต่แบบแรงดันต่ำที่ใช้ในบ้านเรือนทั่วไป ไปจนถึงแบบแรงดันสูงที่ใช้ในระบบส่งจ่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ การเลือกใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ เช่น จำนวน Pole และค่าพิกัดกระแส ซึ่งต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานและระบบไฟฟ้า ทำให้ใช้งานระบบไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือโรงงานอุตสาหกรรม
สำหรับใครที่กำลังมองหาเซอร์กิตเบรกเกอร์ ประธานการไฟฟ้า เรามีเบรกเกอร์จำหน่ายหลากหลายรูปแบบ รวมถึงเบรกเกอร์จากหลายแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น เบรกเกอร์ Schneider, เบรกเกอร์ ABB, เบรกเกอร์ Mitsubishi รวมถึง เบรกเกอร์ Hitachi มั่นใจได้ว่าคุณจะได้อุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งานทั้งในครัวเรือนและระดับอุตสาหกรรม ติดต่อเราได้ที่ Line: @prathan หรือโทร 02-892-7946 , 092-265-8564