ตู้โหลดเซ็นเตอร์ใช้งานยังไง? ช่างไฟเลือกแบบไหนให้เหมาะงาน
13 มิถุนายน 2025
By admin

ตู้โหลดเซ็นเตอร์ (Load Center) ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้าในอาคารขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หรือโรงงานอุตสาหกรรม โดยทำหน้าที่ควบคุมและกระจายพลังงานไฟฟ้าไปยังวงจรย่อยต่าง ๆ อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การเลือกและติดตั้งตู้โหลดเซ็นเตอร์อย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ช่างไฟฟ้ามืออาชีพไม่ควรมองข้าม
ตู้โหลดเซ็นเตอร์คืออะไร? แตกต่างจากตู้เบรกเกอร์ทั่วไปอย่างไร
ตู้โหลดเซ็นเตอร์เป็นตู้ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมและกระจายพลังงานไฟฟ้าในระบบไฟฟ้า 3 เฟส โดยภายในตู้โหลดเซ็นเตอร์รุ่น Main Breaker จะมีเบรกเกอร์หลัก (Main Circuit Breaker) ร่วมกับเบรกเกอร์ย่อยสำหรับควบคุมวงจรต่าง ๆ ส่วนรุ่น Main Lug จะไม่มีเบรกเกอร์หลัก แต่มีขั้วต่อสายสำหรับรับกระแสไฟจากแหล่งจ่ายหลัก และควบคุมด้วยเบรกเกอร์ย่อยภายในตู้เช่นกัน
ประเภทของโหลดเซ็นเตอร์: Main Breaker และ Main Lug
ตู้โหลดเซ็นเตอร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- Main Breaker Load Center: มีเบรกเกอร์หลักภายในตู้ ทำหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้าทั้งระบบเมื่อเกิดปัญหา เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง และสามารถตัดไฟฟ้าทั้งระบบได้อย่างรวดเร็ว
- Main Lug Load Center: ไม่มีเบรกเกอร์หลักภายในตู้ แต่มีขั้วต่อสายสำหรับรับกระแสไฟฟ้าจากเบรกเกอร์หลักที่ติดตั้งแยกต่างหาก เหมาะสำหรับระบบที่มีการควบคุมเบรกเกอร์หลักภายนอก หรือระบบที่ต้องการความยืดหยุ่นในการออกแบบ
วิธีเลือกขนาดโหลดเซ็นเตอร์ตามจำนวนวงจรที่ใช้
การเลือกขนาดของตู้โหลดเซ็นเตอร์ควรพิจารณาจากจำนวนวงจรไฟฟ้าที่ต้องการควบคุม และกระแสไฟฟ้ารวมของระบบ โดยทั่วไปควรเลือกตู้ที่สามารถรองรับวงจรได้มากกว่าจำนวนที่ใช้งานจริงประมาณ 20-30% เพื่อเผื่อการขยายในอนาคต
ตัวอย่างเช่น หากต้องการควบคุมวงจรไฟฟ้า 24 วงจร ควรเลือกตู้ที่รองรับได้อย่างน้อย 30 วงจร และมีบัสบาร์ที่สามารถรองรับกระแสไฟฟ้ารวมของระบบได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ต้องพิจารณาขนาดของกระแสไฟที่ใช้งานด้วย เพราะตู้โหลดเซ็นเตอร์แต่ละรุ่นจะมีบัสบาร์ที่รองรับกระแสไฟได้แตกต่างกัน หากใช้งานไม่เกิน 100A มักเลือกรุ่นที่ใช้บัสบาร์ 100A หรือ 125A (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ) ซึ่งมีราคาย่อมเยากว่า แต่หากระบบใช้กระแสไฟมากกว่า 100A จำเป็นต้องเลือกรุ่นที่เป็นบัสบาร์ 250A เพื่อความปลอดภัยและรองรับโหลดได้เต็มกำลัง
หลักการนี้สามารถใช้ได้ทั้งกับตู้โหลดเซ็นเตอร์แบบ Main Breaker และแบบ Main Lug
ตำแหน่งการติดตั้งที่เหมาะสมตามหลักช่างไฟ
การติดตั้งตู้โหลดเซ็นเตอร์ควรพิจารณาตำแหน่งที่สะดวกต่อการเข้าถึงและการบำรุงรักษา โดยควรติดตั้งในพื้นที่ที่แห้ง ไม่ชื้น และมีการระบายอากาศที่ดี ความสูงจากพื้นถึงกึ่งกลางของตู้ควรอยู่ที่ประมาณ 1.2-1.5 เมตร เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งตู้โหลดเซ็นเตอร์ใกล้แหล่งน้ำ หรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย และควรมีพื้นที่ว่างด้านหน้าตู้ไม่น้อยกว่า 1 เมตร เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
ข้อควรระวังเรื่องโหลดเกิน และการกระจายไฟอย่างสมดุล
การใช้งานตู้โหลดเซ็นเตอร์ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดการโหลดเกิน ซึ่งอาจทำให้เบรกเกอร์ย่อยตัดบ่อยครั้ง หรือเกิดความร้อนสะสมในระบบ ควรออกแบบการกระจายโหลดให้สมดุลระหว่างเฟสทั้งสาม เพื่อป้องกันปัญหาการโหลดไม่สมดุล ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า และอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า
การตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้เบรกเกอร์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับโหลด จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาดังกล่าว
เทคนิคจัดระเบียบสายไฟในตู้โหลดเซ็นเตอร์ให้ปลอดภัยและดูดี
การจัดระเบียบสายไฟภายในตู้โหลดเซ็นเตอร์อย่างเป็นระเบียบ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การบำรุงรักษาและการตรวจสอบระบบเป็นไปอย่างสะดวกเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดความร้อนสะสม และป้องกันการลัดวงจร
เทคนิคที่ควรพิจารณา ได้แก่ การใช้รางเดินสายไฟ (Cable Trunking) การจัดกลุ่มสายไฟตามวงจร การใช้สายไฟที่มีขนาดและสีตามมาตรฐาน และการติดป้ายกำกับสายไฟอย่างชัดเจน
การเลือกและติดตั้งตู้โหลดเซ็นเตอร์อย่างเหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าภายในอาคารมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ช่างไฟฟ้ามืออาชีพควรให้ความสำคัญกับการเลือกประเภทของตู้โหลดเซ็นเตอร์ การคำนวณขนาดที่เหมาะสม การติดตั้งในตำแหน่งที่ถูกต้อง และการจัดระเบียบสายไฟภายในตู้ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
หากคุณกำลังมองหาตู้โหลดเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ สามารถติดต่อเราได้ที่ประธานการไฟฟ้าทุกสาขา หรือช่องทางอื่น ๆ ด้านล่าง
LINE : @prathan
โทรศัพท์ : 02-892-7946 , 092-265-8564